ก่อนตัดสินใจซื้อรถ สิ่งสำคัญที่สุดคือระบบเกียร์ที่เราสามารถขับขี่ได้ ซึ่งรถยนต์ทุกรุ่นในปัจจุบันมีระบบเกียร์ให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะรถเกียร์ออโต้ ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเพราะขับง่าย และมีความปลอดภัยสูง เพื่อทำความเข้าใจระบบเกียร์ at คืออะไร เกียร์ออโต้มีกี่แบบ ? แต่ละแบบใช้งานต่างกันอย่างไร เปรียบเทียบเกียร์ CVT เกียร์ AT ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง เหมาะกับใครบ้าง ตามไปอ่านกันต่อในบทความนี้กันเลย
เกียร์ AT คืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม
เกียร์ออโต้ หรือเกียร์ at คือ เกียร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนระบบออโต้ โดยระบบจะทำหน้าที่เปลี่ยนตำแหน่งของเกียร์ให้เหมาะสมตามความเร็ว เป็นเกียร์ที่ขับง่ายๆ ไม่มีความซับซ้อน โดยมีรายละเอียดของเกียร์ทั้งหมด 5 เกียร์ หลัก ๆ ได้แก่
- เกียร์ P หรือเกียร์ที่ใช้สำหรับจอด
- เกียร์ R เป็นเกียร์ที่ใช้สำหรับถอยหลัง
- เกียร์ N หรือเกียร์ว่าง
- เกียร์ D ใช้ในการขับเคลื่อนรถไปทางด้านหน้า
- เกียร์ S เป็นเกียร์ที่ใช้สำหรับทดเพื่อเร่งสปีดในการแซงรถคันด้านหน้า
เกียร์ มีทั้งหมดกี่ประเภท อะไรบ้าง?
ประเภทของเกียร์ออโต้จะมีความต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่จะถูกแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
เกียร์ AT
เกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดามีแตกต่างกันตรงที่ความยากง่ายในการขับขี่ โดยรถเกียร์ออโต้จะขับง่ายกว่า เหนื่อยน้อยกว่าเมื่อขับทางไกล เพราะสติจะโฟกัสไปที่การควบคุมรถเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสมกับอัตราเร่งของรถยนต์ที่เราขับ ในขณะที่เกียร์กระปุก ถ้าเจอสถานการณ์รถติด จะต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยมาก ทำให้ต้องมีสติตลอดเวลา สร้างความเหนื่อยล้าให้กับผู้ขับขี่ได้
เกียร์ CVT
เป็นเกียร์ออโต้ที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากให้ความนุ่มนวล ขับขี่ระหว่างเปลี่ยนเกียร์แล้วไม่ทำให้รถกระตุกและกระชาก อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำมัน เนื่องจากมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงที่น้อยกว่าเกียร์ออโต้ประเภทอื่น และยังเหมาะกับผู้ใช้งานที่ชอบเดินทางไกล
เกียร์ MT
คือเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด ทำงานโดยการใช้ขาทั้งสองในการเหยียบครัซท์และคันเร่ง และทำการทดเกียร์ไปตามจังหวะและอัตราเร่ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับการขับในเมือง เนื่องจากจะทำให้เมื่อยขาเนื่องจากรถติดเพราะมีการใช้ขาเหยียบครัซท์เกียร์อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ เป็นเกียร์ที่เกิดแรงกระชากได้ง่าย จึงเหมาะกับการใช้ขึ้นเขา หรือบรรทุกของหนัก ๆ
เกียร์ออโต้กับเกียร์ธรรมดา ต่างกันอย่างไร?
เกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดามีความแตกต่างกันตรงที่เกียร์ธรรมดาจะต้องทำการเปลี่ยนเกียร์เอง และมีความยากง่ายในการขับขี่แตกต่างกันไป โดยรถเกียร์ออโต้จะขับง่ายกว่าเกียร์ธรรมดาเป็นอย่างมาก ไม่ต้องคอยเหยียบครัซท์อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังไม่มีความเมื่อยล้าเมื่อขับทางไกล ที่สำคัญไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เองตามอัตราเร่งของรถยนต์ที่เราขับ ในขณะที่เกียร์ธรรมดากระปุกจะต้องเปลี่ยนเอง ซึ่งหากเจอสถานการณ์รถติดจะต้องทำการเปลี่ยนเกียร์บ่อยมาก และอาจสร้างความเมื่อล้าให้กับผู้ขับขี่ได้
เกียร์ CVT เกียร์ AT จุดเด่นมีอะไรบ้าง
ข้อดีของเกียร์ออโต้ AT
- ขับง่าย ไม่ต้องพะวงอยู่กับการเปลี่ยนเกียร์ตามอัตราทดเกียร์
- ไม่ต้องเลี้ยงคลัตช์ เพียงแค่แป้นเหยียบคันเร่ง และเบรกสองอย่างเท่านั้น
- ประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเกียร์ธรรมดา
- มีเทคโนโลยีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ทำให้รถไม่ไหลเมื่อยู่บนทางลาดชันหรือเนินสูง
ข้อดีของเกียร์ออโต้ CVT
- เครื่องยนต์จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเป็นเกียร์ที่สามารถปรับระดับได้ไม่จำกัด
- ให้กำลังเต็มที่สมรรถนะที่เหนือกว่าในการเร่งของเกียร์ทั่วไป และไม่ต้องกังวลว่าเกียร์จะกระตุก ขับแล้วมีความนุ่มนวล
- สามารถควบคุมความช่วงความเร็วของรถได้ดี
- ประหยัดน้ำมัน
เกียร์ ธรรมดา กับ เกียร์ออโต้ แบบไหนดีกว่ากัน
หากถามว่าเกียร์ ธรรมดา กับ เกียร์ออโต้แบบไหนดีกว่ากัน ? จะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน หากต้องการใช้งานในการบรรทุกของหนัก อยากได้อัตราเร่งที่แรงในรอบแรก ให้เลือกเกียร์กระปุกหรือเกียร์ธรรมดา แต่ถ้าหากอยากได้ความสบาย เหมาะกับการเดินทางไกล ใช้รถในเมืองเป็นประจำให้เลือกใช้เกียร์ออโต้
ทั้งนี้ ยังขึ้นอยู่กับงบประมาณของผู้ใช้งานอีกด้วย หากผู้ใช้งานที่มีงบน้อย แนะนำให้เลือกใช้เกียร์ธรรมดา เนื่องจากราคาถูกกว่าและไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาอย่างเป็นประจำ
และไม่ว่าจะอยากได้เกียร์ประเภท AT CVT หรือเกียร์ธรรมดา MT สามารถปรึกษาได้ที่ มาพร ซูซูกิ ซึ่งทางทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษา และพร้อมให้คำแนะนำเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน และยังมีรถยนต์อีกหลายรุ่น เช่น Swift, Celerio และรุ่นอื่น ๆ อีกมากมาย ที่มีระบบเกียร์ให้เลือก หากสนใจสามารถ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยที่ Line @mapornsuzuki
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเกียร์ AT คืออะไร
เกียร์ AT กับ MT ต่างกันยังไง
เกียร์ at หรือเกียร์ ออโต้ จะขับง่ายและสบายกว่าเกียร์ mt หรือเกียร์ธรรมดา และมีราคาที่แพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญเกียร์ธรรมดาจะต้องเปลี่ยนเกียร์เองจึงอาจทำให้มีความเมื่อยล้าได้
เกียร์ AT กับ CVT ต่างกันยังไง
หลักการทำงานของเกียร์ CVT จะใช้สายพานเป็นตัวส่งกำลัง จึงให้การออกตัวที่นุ่มนวล แต่เกียร์ CVT จะได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกียร์เกิดความเสียหายได้ง่าย แต่เกียร์ cvt จะมีการทำงานไม่ซับซ้อน มีความทนทานสูง และยังสามารถทนต่อแรงบิดได้สูงกว่าเกียร์แบบ CVT เหมาะกับรถยนต์มีพละกำลังสูง แต่มีข้อเสียตรงที่จะมีการสูญเสียกำลังค่อนข้างมาก ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองที่มากกว่าเกียร์ CVT