ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้าเปลี่ยนมาใช้ระบบเกียร์ CVT กันมากขึ้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าเกียร์ CVT มีความแตกต่างจากเกียร์ออโต้ หรือเกียร์อัตโนมัติอย่างไร บทความนี้จะมาเปรียบเทียบ พร้อมบอกข้อดีและข้อเสียของเกียร์ CVT เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย

เกียร์ CVT คือเกียร์อะไร

เกียร์ CVT หรือ Continuously Variable Transmission เป็นระบบเกียร์อัตโนมัติประเภทหนึ่ง ที่มีจุดเด่นคือสามารถเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างต่อเนื่อง จึงช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลไม่มีสะดุด รถจะค่อยๆ ไต่ความเร็วขึ้นไปอย่างนุ่มนวล ไม่กระชาก นิยมใช้ในรถรุ่นเล็กและรถกลาง โดยเฉพาะรถจากฝั่งญี่ปุ่น 

เกียร์ CVT ทํางานอย่างไร

เกียร์ CVT ทำงานผ่านระบบรอก (Pulley) และสายพาน (Belt) โดยส่วนประกอบของเกียร์ CVT จะมีพูลเลย์ 2 ตัว คือ พูลเลย์ขับ (Drive Pulley) ที่ต่อกับเครื่องยนต์ กับพูลเล่ย์กำลัง (Driven Pulley) ที่ต่อกับเพลา และมีสายพานที่ยืดหยุ่นเชื่อมพูลเลย์ทั้งสองตัวนี้ไว้ด้วยกัน เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับระบบโซ่และเฟืองของจักรยาน เพียงแต่พูลเลย์ 2 ตัวนี้สามารถเคลื่อนที่เข้าและออกจากกันได้ ซึ่งจะทำให้เส้นผ่าศูนย์กลางของวงสายพานแต่ละฝั่งขนาดไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่รถออกตัว พูลเลย์ขับจะมีขนาดเล็ก และพูลเล่ย์กำลังจะมีขนาดใหญ่ แต่เมื่อเร่งความเร็ว พูลเลย์ขับจะขยายขนาดขึ้น ขณะที่พูลเลย์กำลังจะหดเล็กลง 

เกียร์ CVT ข้อดี ข้อเสีย

ข้อดี : 

  • เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล ลื่นไหล ไม่มีจังหวะกระชาก ไม่มีรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนเกียร์เหมือนกับเกียร์ออโต้ทั่วไป
  • ช่วยประหยัดน้ำมัน เนื่องจากการปรับอัตราทดเกียร์ได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เครื่องยนต์ใช้รอบที่เหมาะสม และสูญเสียกำลังน้อย 
  • ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสม่ำเสมอ
  • ชุดเกียร์มีชิ้นส่วนน้อย ขนาดเล็กกว่าชุดเกียร์ออโต้ทั่วไป ทำให้มีพื้นที่มากขึ้น และยังเหมาะกับรถขนาดเล็กด้วย เช่น  Suzuki Celerio  Suzuki Celerio Ciaz เป็นต้น
  • ต้นทุนในการผลิตต่ำ

ข้อเสีย : 

  • ค่าบำรุงรักษาแพงกว่าเกียร์ออโต้
  • ไม่เหมาะสำหรับขาซิ่ง เพราะทำงานแบบค่อยๆ ไต่ความเร็ว และรองรับแรงบิดได้น้อย  
  • คนที่คุ้นเคยกับเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์ออโต้แบบเดิม จะรู้สึกเหมือนรถอืด ไม่ค่อยวิ่ง เร่งไม่ทันใจ เพราะเกียร์ CVT จะปรับอัตราทดเกียร์โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบที่เหมาะสม ส่งผลให้รอบเครื่องยนต์อาจจะต่ำกว่าที่คุ้นเคย แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ช้ากว่าเกียร์ธรรมดามากนัก

วิธีถนอมเกียร์ CVT ทำอย่างไรได้บ้าง

  • หลีกเลี่ยงการคิกดาวน์

หากนำวิธีขับรถเกียร์ออโต้แบบเดิมมาใช้กับการขับรถ CVT เกียร์อาจจะพังได้ง่าย อย่างเช่นบางคนต้องการเร่งแซง แต่รู้สึกว่ารถอืดไม่ทันใจก็คิกดาวน์ หรือเหยียบคันเร่งให้ลึก เกียร์ CVT จึงต้องปรับอัตราทดเกียร์ลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มแรงบิด ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานรอบสูง เสียงดัง กินน้ำมันมากขึ้น และอาจทำให้สายพานเสื่อมสภาพก่อนกำหนด เพราะฉะนั้นจึงควรเร่งความเร็วอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้รถไต่ความเร็วขึ้นไปถึงจุดที่ต้องการ

  • ไม่ออกตัวแบบกระชาก 

การเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงตั้งแต่แรก จะทำให้รอบเครื่องยนต์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พูลเลย์หมุนตามไม่ทัน ทำให้รถมีอาการรอรอบ ออกตัวได้ช้า สายพานก็จะพังเร็ว ดังนั้นจึงควรเริ่มจากการเหยียบคันเร่งเพียงเล็กน้อย ให้รอบเครื่องยนต์ขยับขึ้นจนรู้สึกว่าเริ่มมีแรงบิดส่งมาจากเกียร์ จากนั้นค่อยๆ เพิ่มแรงกดดันเร่งเข้าไปทีละนิด วิธีนี้จะทำให้การออกตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่า อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ได้นานขึ้นด้วย

  • บำรุงรักษาตามระยะ 

หมั่นนำรถเข้าไปตรวจเช็กระยะตามที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายด้วยน้ำมันเกียร์ CVT โดยเฉพาะ ตัวน้ำมันจะมีความลื่นที่พอดี ช่วยลดการสึกหรอของสายพานและพูลเลย์ ทำให้เกียร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากเติมน้ำมันเกียร์ผิดประเภท เช่น เติมน้ำมันเกียร์ออโต้ธรรมดา จะมีความลื่นมากเกินไป เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ ก็อาจทำให้ระบบเกียร์พัง 

เกียร์ AT กับ CVT ต่างกันยังไง??

เกียร์ออโต้ กับเกียร์ CVT เป็นเกียร์อัตโนมัติเหมือนกัน แต่ต่างกันที่หลักการทำงาน เพราะเกียร์ออโต้แบบดั้งเดิมทำงานด้วยระบบคอนเวอร์เตอร์ ที่อาศัยแรงดันของน้ำมันเกียร์ ข้อดีก็คือเป็นเกียร์ที่ใช้กันมานานแล้ว จึงทำให้ช่างซ่อมมีความชำนาญ และเข้าใจระบบเกียร์เป็นอย่างดี ราคาอะไหล่และค่าซ่อมโดยทั่วไปไม่แพง อีกทั้งยังมีความทนทาน ดูแลรักษาง่าย อายุการใช้งานยาวนาน ทนต่อแรงบิดได้สูง รถที่พละกำลังสูงหลายๆ รุ่น จึงยังใช้เกียร์ชนิดนี้อยู่ 

ส่วนเกียร์ CVT ทำงานด้วยระบบรอกและสายพาน โดยควบคุมการทำงานผ่านชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ จึงตอบสนองต่อคันเร่งได้รวดเร็ว ทำให้เวลาเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล ไม่มีรอยต่อ เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือขับใช้งานในชีวิตประจำวันที่ไม่สมบุกสมบันมากนัก 

สรุปสุดท้ายสำหรับคำถามที่ว่าจะเลือกเกียร์แบบไหนดี คงต้องตอบว่าเลือกตามการใช้งาน และความชอบ เพราะเกียร์แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามรถที่ผลิตมาใหม่ในปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้เกียร์ออโต้แบบเดิมกันแล้ว อย่างรถยนต์ของ SUZUKI ก็เปลี่ยนมาใช้เกียร์ CVT เช่นกัน หากใครสนใจ และอยากรู้ว่าเวลาขับเป็นอย่างไร มาทดลองขับได้เลยที่ ‘มาพร ซูซูกิ’ ศูนย์บริการมาตรฐาน ที่จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ มานานกว่า 30 ปี พร้อมให้คำแนะนำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับรถซูซูกิ แอดไลน์มาได้เลยที่ Line @mapornsuzuki  

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเกียร์ CVT

เกียร์ CVT มีปัญหาอะไรบ้าง

เนื่องจากความซับซ้อนของเกียร์ CVT การซ่อมแซมอาจมีค่าใช้จ่ายสูง และบางครั้งอาจต้องการช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือบางครั้งอาจสร้างเสียงรบกวนมากกว่าเกียร์ประเภทอื่น ๆ เมื่ออยู่ในช่วงการทำงานบางช่วง

น้ำมันเกียร์ CVT อายุการใช้งาน กี่ปี 

อายุการใช้งานของน้ำมันเกียร์ CVT ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงยี่ห้อและรุ่นของรถ สภาพการใช้งาน และการบำรุงรักษาโดยทั่วไป แต่ปกติแล้วน้ำมันเกียร์ CVT ควรเปลี่ยนทุกๆ 40,000-60,000 กิโลเมตร หรือประมาณทุกๆ 2-3 ปี หากใช้งานรถในสภาพการขับขี่ปกติ

เกียร์ CVT มีกี่สปีด

บางรุ่นของเกียร์ CVT อาจมีการกำหนดระดับความเร็วหรือ “เสมือนเกียร์” เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกคุ้นเคยกับการขับขี่ที่คล้ายกับเกียร์ธรรมดา ซึ่งจะมีการกำหนดระดับที่ชัดเจน เช่น 6 สปีด หรือ 7 สปีด แต่ในความเป็นจริง การทำงานของเกียร์ CVT ยังคงเป็นการปรับอัตราทดเกียร์อย่างต่อเนื่อง